
11 ประเด็นคาใจ ก่อนตัดสินใจจัดจ้างที่ปรึกษา เริ่มต้นสู่ธุรกิจแฟรนไชส์
1.แบรนด์ยังไม่เป็นที่รู้จัก จะมีนักลงทุนสนใจแฟรนไชส์ไหม ต้องสร้างแบรนด์ก่อนหรือไม่
การที่ตราสินค้าเป็นที่รู้จักชื่นชอมของผู้บริโภคและนักลงทุน เป็นสิ่งที่เจ้าของตราสินค้าทุกคนต้องการและหากมีแบรนด์ติดตลาดย่อมทำให้เกิดความมั่นใจและยอมรับได้ง่ายก็จริง
แต่ในโลกยุคใหม่นี้ อิทธิพลของแบรนด์เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก จากผลการสำรวจของ Nielsen ที่ทำได้น่าสนใจว่ากลุ่มคนที่เกิดในช่วง 1977-1995 นั้นมีการศึกษาหาข้อมูลแบรนด์ที่เปลี่ยนไปจากอดีต และแบรนด์ต่าง ๆ เองก็นั้นก็ล้มเหลวที่จะสามารถสื่อสารให้ตรงกับความต้องการของคนกลุ่มนี้ หรือทำให้ตัวเองอยู่ในความสนใจของผู้บริโภคกลุ่มนี้ได้ แบรนด์ส่วนใหญ่ไม่เข้าใจกลุ่มผู้บริโภคยุคใหม่ว่าทำไม ไม่เลือกสินค้าที่ชื่อเสียงแบรนด์ หรือไม่สามารถเอา insight ผู้บริโภคมาสร้างให้เกิดการขายได้ แถมผู้บริโภคยังมีความซับซ้อนในกระแสต่าง ๆ ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากมาย
นักลงทุนรุ่นใหม่ อายุตั้งแต่ 42 ปีเป็นต้นมา ซึ่งเป็นนักลงทุนกลุ่มใหญ่ของธุรกิจแฟรนไชส์ สนใจเรื่องรูปแบบธุรกิจ ความน่าสนใจของผลตอบแทนธุรกิจ และอนาคตในการเติบโต มากกว่าสนใจอิทธิพลของแบรนด์
โลกแฟรนไชส์นั้น ใช้การเปิดสาขาใหม่ๆ ที่มีป้ายและรูปแบบ (ที่ลงทุนด้วยเงินของแฟรนไชส์ซี) เป็นเครื่องมือสร้างความรู้จักให้เกิดกับตลาด จะสังเกตเห็นว่าแบรนด์แฟรนไชส์ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็ว แทบไม่ได้ใช้งบจากเจ้าของแบรนด์ หากรู้เทคนิคการบริหารแฟรนไชส์ซีที่ดี แต่การเป็นทีรู้จักในชื่อเสียงนั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการสร้างแบรนด์ ยังมีความสำคัญเรื่องอื่นๆที่เกี่ยวกับการสร้างความพึงพอใจให้กลุ่มเป้าหมาย
กรณีศึกษา บริษัทปทุมดีไซน์ ดีเวลลอป จำกัด เริ่มต้นจากการเป็นบริษัทรับสร้างบ้านท้องถิ่นในจ.ปทุมธานี ขยายพื้นที่การขายไปยังต่างจังหวัดด้วยสาขาของตนเอง 11 แห่ง ในขณะนั้นเป็นบริษัทฯรับสร้างบ้านอันดับ 5 ของตลาด ต่อมาพัฒนาแฟรนไชส์ในนาม PD House กระจายสาขาไปทั่วประเทศ 50 แห่ง ด้วยระบบการพัฒนาแฟรนไชส์อย่างถูกต้อง จนก้าวขึ้นสู่เบอร์ 1 ของธุรกิจรับสร้างบ้าน ขยายสาขาทั่วประเทศ ในระยะเวลาประมาณ 7 ปี แซงคู่แข่งอันดับต้นๆที่เข้มแข็งกว่ารายสำคัญที่ขยายสาขาด้วยตัวเองทุกราย
การเติบโตของ kamu tea , N&B, The Waffle ,ชาพะยอม , ตำมั่ว , moly care และแบรนด์ท้องถิ่นของไทยอีก มากมายที่ใช้กลยุทธ์แฟรนไชส์ในการสร้างความรู้จักกับกลุ่มลูกค้า และลดต้นทุนทางการตลาดได้เป็นอย่างดี
2.ไม่คุ้นเคยกับระบบแฟรนไชส์ ใช้วิธีเดิมๆ จะง่ายกว่าไหม
การขายในรูปแบบเดิม ย่อมให้ผลลัพธ์ที่คาดการณ์ได้จากข้อมูลในอดีต และระบบแฟรนไชส์คือความท้าทายใหม่ที่จะใช้ทรัพยากรของผู้อื่น ทำงานให้ได้ผลลัพธ์มากกว่าเดิม
ระบบแฟรนไชส์ คือการวางกลวิธีที่ถูกต้อง เพื่อการโคลนนิ่งธุรกิจเดิมที่กิจการทำอยู่แล้ว ส่งมอบให้ผู้อื่นทำตามได้ โดยมีตัวล๊อกบางส่วนเพื่อการควบคุมคุณภาพ ดังนั้นวิธีการของเรา ย่อมถูกถ่ายทอดให้คนอื่นทำ จะมีความสลับซับซ้อนในช่วงการวางระบบแรกๆ และดูแลสาขา
หากกิจการไม่เคยมีสาขาเลย ย่อมเป็นเรื่องกังวลใจได้เป็นธรรมดา จึงต้องเริ่มต้นด้วยการทำร้านสาขาของตนเองก่อน แล้วจึงพัฒนาไปสู่ระบบแฟรนไชส์
จากประสบการณ์ที่ปรึกษา พบว่าธุรกิจการผลิต โรงงาน และธุรกิจค้าส่ง จะเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ช้าเนื่องจากมีความเชี่ยวชาญ คุ้นเคยกับงานเชิงระบบที่ทำเป็นกระบวนการซ้ำได้ แต่โลกทุกวันนี้ ระบบโรงงานเผชิญหน้ากับการแข่งขันจากสินค้าต่างประเทศ ต้นทุนการขนส่ง การเข้าถึงลูกค้าที่กระจายตัว เป็นโลกของงานค้าปลีก จึงต้องเตรียมพร้อมเปลี่ยนแปลงในการส่งมอบสินค้าไปสู่ลูกค้าให้สั้นที่สุด และลดบทบาทจากผู้ผลิต เป็นผู้บริหารช่องทางการจัดจำหน่าย ซึ่งระบบแฟรนไชส์คือกระบวนการที่จะเข้ามาช่วยในเรื่องนี้ได้
3.ขาดทีมงานที่เข้าใจระบบแฟรนไชส์
เป็นเรื่องธรรมดาที่องค์กรจะมีทีมงานที่เข้าใจระบบในปัจจุบัน แต่จะไม่เข้าใจระบบใหม่ๆ จึงจำเป็นจะต้องมีที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เข้ามาให้ความรู้และปรับทัศนคติของทีมงานให้คิดมุ่งไปในทางเดียวกัน ตลอดจนช่วยแบ่งเบาภาระงานใหม่ที่จะเกิดขึ้นให้กับทีมงานเดิมด้วย ขณะเดียวกันที่ปรึกษาก็จะช่วยประคองการทำงานของทีมงานให้เป็นไปตามเป้าหมาย
4.ถ้ามีทีมงานพร้อม ทำระบบแฟรนไชส์เองได้ไหม
หากทีมงานของบริษัทฯมีความพร้อมในงานอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่อง เช่นการตลาด การขาย ผู้บริหารมักมองว่าจะมอบหมายภาระกิจแฟรนไชส์ให้ทีมงานเดิมรับผิดชอบไปด้วย แต่ในความจริงแล้ว ทีมงานที่พร้อมในงานลักษณะหนึ่ง มิได้พร้อมในงานที่ไม่คุ้นเคย ซึ่งทำให้เกิดการใช้ “ความเห็น” มากกว่า”ความจริง” จนเกิดการผิดพลาดได้ง่ายในการตัดสินใจ และนอกจากนี้ อาจเกิดการต่อต้านในใจพนักงานที่ต้องทำงานหนักขึ้น โดยไม่เชี่ยวชาญ เกิดการลาออกและการตกต่ำในประสิทธิภาพได้ แม้พนักงานจะเต็มใจทำงานก็ต้องเผชิญกับการทำงานที่ไม่คุ้นเคย ไม่เชี่ยวชาญ และต้องจัดสรรหน้าที่กับงานประจำ ทำให้งานล่าช้า ไม่ตรงเวลา ด้อยคุณภาพ ไม่สามารถนำมาใช้ได้จริง
ที่ปรึกษา จะแก้ปัญหานี้ด้วยการมิใช่ทำงานด้านที่ปรึกษาเท่านั้น แต่ทำงานที่ทีมงานภายในมักทำได้ช้าเพราะไปทับซ้อนงานประจำ และงานที่พนักงานภายในไม่เชี่ยวชาญ มาดำเนินการให้แทน ซึ่งมักเป็นงานที่เป็นหัวใจสำคัญในการควบคุมและสื่อสารกับร้านสาขา อาทิ คู่มือแฟรนไชส์ ระบบการปฏิบัติงานระหว่างสาขาแฟรนไชส์ กับสำนักงานใหญ่
5.ห่วงว่าทำงานแฟรนไชส์จบ จะได้เพียงเอกสารจากที่ปรึกษา แล้วงานจะสำเร็จได้อย่างไร
งานที่ปรึกษานั้น แท้จริงแล้ว มีองค์ประกอบใหญ่ ๆ สองประการ คือ งานกลยุทธ์ และงานระบบปฏิบัติงาน
งานกลยุทธ์ คืองานที่ประกอบด้วยข้อมูล ความคิด ประสบการณ์ การออกแบบธุรกิจ เพื่อให้แผนงานและนโยบายในการปฏิบัติการมีความถูกต้อง แม่นยำ ระบบจึงถูกคิดด้วยกลยุทธ์ และตรวจสอบด้วยตัวเลขทางการเงินและการคาดการณ์ผลลัพธ์ในทุกทางที่เป็นไปได้
งานระบบปฏิบัติงาน คือ การวางวิธีให้ผู้เกี่ยวข้องในงานแฟรนไชส์ปฏิบัติตาม ซึ่งมีกระบวนวิธีทั้งในเชิงเอกสาร ภาพกราฟฟิค power point วีดีโอถ่ายทำ การฝึกอบรม การบรรยาย การประชุม การจัดกิจกรรมตัวอย่าง การCoaching
การทำงานของทีมที่ปรึกษา จึงมิใช่เพียงงานเอกสารเท่านั้น และความท้าทายที่ยากยิ่งคือ ทุกแผนงานต้องเริ่มต้นให้ถูกต้องด้วยความเชี่ยวชาญ ถ้าเริ่มต้นผิด วางแผนผิด เอกสารผิด ก็จะปฏิบัติไปแบบผิดๆ และได้ผลลัพธ์ที่ผิดพลาดตามไปด้วย
6.หลังจากวางระบบงานแฟรนไชส์เสร็จไปแล้ว จะมั่นใจได้อย่างไรว่า งานจะสำเร็จต่อเนื่อง
ระบบแฟรนไชส์เมื่อสร้างระบบเสร็จสิ้นแล้ว
ความสำเร็จขั้นที่ 1 คือการทดลองขยายแฟรนไชส์ เพื่อหานักลงทุนเข้ามาสู่ธุรกิจ เมื่อสำเร็จเฟสนี้ได้ แสดงว่าธุรกิจที่ออกแบบมีความน่าสนใจจากนักลงทุน และเกิดรายได้เป็นเงินก้อนเข้าสู่องค์กร คุ้มค่ากับการจ้างงานที่ปรึกษา
ความสำเร็จขั้นที่ 2 คือการบริหารจัดการสาขาที่เปิดใหม่ ให้มีความสำเร็จ เกิดรายได้ เกิดกำไร เป็นที่พึงพอใจของนักลงทุน
ความสำเร็จขั้นที่ 3 คือ การบริหารความสัมพันธ์ให้สาขาแฟรนไชส์ ทำกำไรให้กับบริษัทฯต่อเนื่อง เกิดรายได้ในเชิงส่วนแบ่งยอดขายเข้าสู่บริษัทยั่งยืน มีกระบวนการจัดการสื่อสารและกระตุ้นการทำงานของสาขา
ความต่อเนื่องของความสำเร็จ คือการบริหารให้เกิดปัญหาน้อย และผลลัพธ์ความสำเร็จมาก ต้องอาศัยความมุ่งมั่นทุ่มเทของผู้บริหาร พนักงาน และที่ปรึกษาร่วมกัน โดยมีเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาช่วยเสริมการทำงานให้สะดวกยิ่งขึ้น
7.ธุรกิจเรา เป็นแฟรนไชส์ได้จริงหรือ
กิจการที่เป็นแฟรนไชส์ได้นั้น คือกิจการใดๆ ที่ไม่ใช่ความสามารถพิเศษส่วนบุคคล ไม่ต้องมีใบอนุญาตจากราชการที่ขอได้ยาก และไม่สลับซับซ้อนมากจนอบรมสั่งสอนกันมิได้ หรือใช้เครื่องมือพิเศษที่มีราคาสูงมากจนลงทุนแล้วคืนทุนได้ช้ามาก
ธุรกิจในโลกนี้ ส่วนใหญ่สามารถสร้างเป็นระบบแฟรนไชส์ได้ มิใช่เพียงร้านอาหาร หรือเครื่องดื่มเท่านั้น ในต่างประเทศ กิจการบริหารนิติบุคคลหมู่บ้าน/คอนโด ก็สามารถขยายด้วยระบบแฟรนไชส์ได้ยอดขายปีละไม่น้อยกว่า 3000 ล้านดอลล่าสหรัฐ ในประเทศไทย ธุรกิจรับสร้างบ้าน ธุรกิจอ่านแนวโน้มพฤติกรรมด้วยลายผิว ก็ขยายด้วยแฟรนไชส์จนประสบความสำเร็จ ยิ่งกิจการมีความน่าสนใจ ใหม่ และแตกต่าง ยิ่งเรียกร้องให้เกิดความน่าสนใจจากนักลงทุนได้มากขึ้น
8.ลงทุนกับงานวางระบบแฟรนไชส์ จะได้เสี่ยงไหม ต้องใช้เงินลงทุนค่าที่ปรึกษา
งานที่ปรึกษาในระบบแฟรนไชส์ เป็นการลงทุนครั้งเดียว เพื่อสร้างระบบที่ดีในการไปต่อยอดธุรกิจเดิม ให้สร้างรายได้แบบไร้ขีดจำกัด โดยปกติแล้ว ค่าแฟรนไชส์แรกเข้าในการวางระบบดีๆ ที่บริษัทจะได้รับนั้น มีอัตราตัวเลขลงทุนระดับ หลักแสน ถึงหลักล้าน ซึ่งคุ้มค่าต่อการจ้างงานที่ปรึกษาในการวางระบบให้ได้ผลตอบแทนคืนมาในเวลาไม่นานนัก และลดการเกิดปัญหาในระยะสั้นและยาว
ความเสี่ยงที่โครงการอาจล้มเหลวได้ จะเกิดขึ้นได้จากธุรกิจเดิมไม่เข้มแข็ง ฐานะการเงินบริษัทฯไม่พร้อม ขาดทีมงานที่จะเติมเข้ามาในอนาคต ความไม่เป็นเอกภาพในการบริหารงานภายใน ความขัดแย้งและการเมืองในองค์กร และการไม่ดำเนินการตามกระบวนการที่วางไว้โดยที่ปรึกษา ในระยะเวลาที่วางแผนไว้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ควรประเมินความเสี่ยงก่อนโดยผู้เชี่ยวชาญ
โดยปกติองค์กรจะต้องลงทุนกับเรื่องราวต่างๆ ตามสภาพเหตุการณ์ทางธุรกิจอยู่เป็นประจำอยู่แล้ว อาทิ เมื่อมีข้อกำหนดจากคู่ค้าหรือราชการด้านมาตรฐาน ก็ต้องดำเนินการจ้างที่ปรึกษาจัดทำมาตรฐานต่างๆ เช่น ISO,HACCP,JCI Halal , อย.,มอก.,สมอ. ฯลฯ ซึ่งเป็นการจัดทำงานที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้โดยตรง แต่งานด้านการจัดการวางระบบแฟรนไชส์ เป็นกิจกรรมทางธุรกิจเพื่อสร้างรายได้โดยตรง และให้ผลในระยะเวลาอันรวดเร็ว
9.หุ้นส่วน พนักงาน ไม่ค่อยเห็นด้วย ทำอย่างไร
ความกังวลในการเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องธรรมดา เนื่องจาก Comfort zone เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความรู้สึกปลอดภัยในองค์กรและมนุษย์ แต่ความสำเร็จใหม่ๆ มักเกิดจากการมองเห็นอนาคตที่แตกต่างจากเดิม
แรงขับเคลื่อนจากผู้นำองค์กร คือสิ่งสำคัญที่จะทำให้ทีมงานเชื่อว่าแม้อนาคตจะมีความเสี่ยงอยู่บ้าง แต่ก็อยู่ในกรอบที่จำกัดความเสี่ยงไว้แล้ว และผลลัพธ์ที่คาดหวังได้ จะคุ้มค่ากับการลงมือทำสิ่งใหม่ๆในงานที่ปรึกษาแฟรนไชส์ แนะนำสำหรับ องค์กรที่ยังไม่พร้อม ไม่มั่นใจ ในการดำเนินงานนี้ว่า
ให้ที่ปรึกษาเริ่มแบ่งงานทำทีละส่วน แล้ววัดความสำเร็จแบบค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้คนในองค์กรเห็นภาพความสำเร็จทีละส่วนๆ และหากเกิดข้อผิดพลาดใดๆ ก็จะไม่ร้ายแรง ไม่เสียงบประมาณมากนัก
สิ่งสำคัญคือ “ ความสำเร็จได้เริ่มต้นก้าวอย่างถูกต้องแล้ว” โดยมีที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญกำกับการดำเนินงานในทุกขั้นตอน
10.ที่ปรึกษาจะทำงานอยู่กับทีมบริหาร จนมั่นใจได้เพียงใด
ที่ปรึกษาทำงานตามขั้นตอนที่ชัดเจนกับทีมบริหารองค์กร แต่หากมีปัญหาใดที่นอกเหนือความคาดหมายในขอบเขตของงาน ที่ปรึกษาก็จะเป็นโค้ชให้คำปรึกษาในทุกประเด็น และหากสิ้นสุดขอบเขตการจ้างงานที่ปรึกษาไปแล้ว องค์กรยังต้องการความมั่นใจว่างานจะดำเนินไปได้อย่างราบรื่น ก็สามารถจ้างงานที่ปรึกษาในกรอบงานใหม่ๆ ต่อเนื่องไปได้ในระยะยาว จนกว่าทีมบริหารจะพึงพอใจและสามารถสร้างทีมงานที่ชำนาญดำเนินงานได้เต็มที่ หรือหากข้อติดขัดนั้นมิได้เป็นประเด็นสำคัญที่แก้ไขได้ด้วยตนเอง สามารถสอบถามข้อติดขัดสงสัยกับที่ปรึกษาทางช่องทางการสื่อสารต่างๆ ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
11.จะมั่นใจได้อย่างไร ว่าได้ที่ปรึกษาที่มีประสิทธิภาพ
หลักการเลือกที่ปรึกษาที่สำคัญ คือ การดูผลงานทีมที่ปรึกษารายบุคคล ว่ามีประสบการณ์มาอย่างไรและมีจำนวนที่ปรึกษาเพียงพอต่อการดำเนินงานให้สำเร็จตามเป้าหมายตามระยะเวลาหรือไม่ นอกจากนั้นยังแบ่งแยกกลุ่มงานดังนี้
ที่ปรึกษานั้นมี 3 กลุ่มการสะสมความเชี่ยวชาญที่แตกต่างกัน ดังนี้
- ที่ปรึกษา สายวิชาการ อาจารย์สอนมหาวิทยาลัย นักบรรยาย นักวิจัย : ที่ปรึกษากลุ่มนี้จะมีข้อมูลทางทฤษฏีมาก มีเคสกรณีศึกษา งานวิจัย ข้อมูลเชิงกระบวนการ ขั้นตอน ระบบระเบียบ มีความสามารถในการอธิบายและพบเห็นประสบการณ์ที่หลากหลายจากกรณีศึกษาและข้อมูลวิจัยจากในและต่างประเทศ
- ที่ปรึกษา สายนักบริหารองค์กร นักปฏิบัติการ : ที่ปรึกษากลุ่มนี้จะเป็นผู้มีประสบการณ์ในการปฏิบัติงานจริงในองค์กร มีทักษะทั้งการให้นโยบายและการติดตามควบคุม รู้ข้อจำกัดในการทำงานจริง ลงรายละเอียดในเนื้องานได้ดี มีความเชี่ยวชาญลึกลงไปเฉพาะทางชัดเจน
- ที่ปรึกษา สายผู้ประกอบกิจการ : ที่ปรึกษากลุ่มนี้ จะมีประสบการณ์ตรงในการเป็นเจ้าของกิจการในลักษณะที่ใกล้เคียงกับงานที่ปรึกษา เข้ามีความลึกซึ้งในการทำงานจริง เข้าใจในทุกมุมของงาน พลิกแพลงลดขั้นตอนได้ดี ทำให้งานกระชับสั้นเร็ว ได้ผลไว มองตัวเลขเป้าหมายในงานเป็นสำคัญ และเข้าในธรรมชาติของผู้ประกอบการได้มากที่สุด
องค์คณะที่ปรึกษาในงานขนาดกลาง-ใหญ่ ต้องมีที่ปรึกษาในการปฏิบัติงานให้ครอบคลุมทั้ง 3 ประเภท เพื่อให้งานมีความละเอียดรอบคอบ ครอบคลุมทุกมุมมองธุรกิจ และหากมีเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการดำเนินงานของที่ปรึกษา ก็จะช่วยให้ผลลัพธ์ที่ได้รวดเร็ว ทันสมัย ยิ่งขึ้น
คณะที่ปรึกษา
Top business consultant and Management company limited
Top Strategy, Business Creation